การกรอกที่อยู่ใน I-751 Remove Conditions on Residence
Q: ตอนนี้ดิฉันอยู่ที่ Texas ค่ะ กำลังจะยื่นเรื่องขอ remove conditions on residence ค่ะ แต่ติดปัญหาเรื่องการกรอกที่อยู่ เพราะที่อยู่ยังอยู่ที่ Oregon เคยเปลี่ยนที่อยู่ทางอินเตอร์เน็ตแล้ว แต่ไม่ทราบว่ามีปัญหาอะไร เพราะจดหมายจาก uscis ยังส่งไปที่ Oregon เหมือนเดิม พึ่งจะทราบว่าที่อยู่ยังไม่ได้เปลี่ยนตอนได้รับจดหมายเตือนให้ไปเปลี่ยน สถานะนี่เอง พอถึงตอนนี้ดิฉันได้แต่โทษตัวเองที่ไม่ได้โทรไปสอบถามทาง uscis ให้แน่ใจ
ดิฉันจะทำยังไงดีค่ะ ควรกรอกแบบฟอร์มยังไงดี เพราะเอกสารหลักฐานทุกอย่างเป็นที่อยู่อยู่ใน Texas แต่ข้อมูลของดิฉันที่ uscis มี คือดิฉันยังอยู่ที่ Oregon เข้าไปอ่านในเวบไซต์ของ uscis แล้วกลุ้มใจจังกลัวว่าตัวเองจะมีปัญหา ขอคำแนะนำด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
A: การแจ้งย้ายที่อยู่นั้น ควรทำให้ครบสามขั้นตอนคือ
ส่งฟอร์ม AR-11 (ดูรายละเอียดที่นี่ http://www.uscis.gov/portal/site/uscis/menuitem.5af9bb95919f35e66f614176543f6d1a/?vgnextoid=c1a94154d7b3d010VgnVCM10000048f3d6a1RCRD&vgnextchannel=db029c7755cb9010VgnVCM10000045f3d6a1RCRD)
แจ้งเปลี่ยนที่อยู่ออนไลน์
และโทรไปแจ้งที่ customer service ของอิมมิเกรชั่น
ถ้าทำครบทั้งสามรายการนี้รับรองไม่มีพลาดค่ะ
เวลาคุณจะยื่น I-751 ให้ทำทั้งสามข้อข้างบนนี้ให้เรียบร้อยเสียก่อน
จากนั้นค่อยยื่น I-751 โดยใช้ที่อยู่ใหม่ค่ะ
^^ขอคำแนะนำเรื่อง ศูนย์ให้คำปรึกษาการศึกษาต่อ USA^^
Q: พอดีสนใจจะไปศึกษาต่อปริญญาโทที่ USA ภายในต้นปีหน้า
ขอ สอบถามเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ในที่นี้ทุกท่านว่า มีที่ไหนเป็นเหมือน ศูนย์ให้คำปรึกษาเพื่อศึกษาต่อต่างประเทศ (โดยเฉพาะเรียนต่อ USA) โดยตรงเลยมีมั้ยครับ ...คล้ายๆครูแนะแนว
***ขอแบบ Non profit organisation ก็จะดีมากเลย***
เข้าใจอยู่ครับว่าหาก Service ดี ถ้าจะมีค่าธรรมเนียม/ ค่าดำเนินการ บ้างก็ไม่ว่ากันหรอก
แต่ ไม่ชอบ พวกที่ให้คำปรึกษาแล้วมักจะ Hard Sell/ Up Sell/ Cross Sell ซ้า หรือแบบมีผลประโยชน์แอบแฝง(เช่น เค้ามี contract กับ University บาง U. ซึ่งไม่ใช่ U. ที่เหมาะสมกะเราเลย แต่ก็เชียร์ออกนอกหน้า เพื่อหวังผลประโยชน์...ไรงี้)....ไม่ชอบอ่ะคับ
ขอบคุณครับ
A: ยุคอินเตอร์เน็ทนี่คุณหาข้อมูลด้วยตัวเองได้ ไม่จำเป็นต้องพึ่งเอเย่นต์ค่ะ เอเย่นต์เขาไม่ได้เป็นตัวแทนทุก U ดังนั้นเขาก็ต้องเชียร์สินค้าที่เขามีเป็นธรรมดา เอเย่นต์ทุกแห่งไม่ว่าจะคิดค่าบริการหรือไม่ เขาได้เปอร์เซนต์จากค่าเทอมของคุณอยู่แล้ว และสาวๆ ที่เชียร์ให้คุณไปเรียนที่โน่นที่นี่ หลายๆ คนไม่เคยเดินทางไปต่างประเทศด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่ไปเรียน
ส่วนตัว แล้วที่ดิฉันไม่ค่อยชอบเอเย่นต์อย่างนึงคือ พวกนี้ให้คำแนะนำเรื่องการขอวีซ่าผิดๆ บ่อยครั้งเจอว่าเอเย่นต์แนะนำให้คุณโกหกในใบสมัครขอวีซ่า เช่นกรณีที่เคยมีพี่น้องนามสกุลเดียวกันไปเป็นฮู้ดอยู่ เป็นต้น เพราะยังไงๆ กงสุลก็รู้อยู่ดี คราวนี้เลยทำให้การขอวีซ่ายากหนักเข้าไป ในบางรายบอกได้คำเดียวว่าเปลี่ยนเข็มไปประเทศอื่นดีกว่า
โชคดีค่ะ...
แต่งงานในต่างแดน
Q: ก้อเป็นคนหนึ่งที่หาทางออกให้กับตัวเองไม่ได้ บังเอิญหลงรักกับคนอเมริกาซึงก็เป็นคนดีของสังคมคนหนึ่งเลยตกลงจะแต่งงานกัน แต่มันไม่ง่ายเลย ที่จะจดทะเบียนแบบเรียบง่าย ต้องจ้างทนายในประเทศที่คิดราคาที่แพงมาก ทำงานมาได้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องจ่ายเขาหมด ถ้ามีคนรู้เรื่องว่าต้องทำอย่างไรรบกวนช่วยตอบด้วยค่ะ
A: แต่งงานในนิวยอร์คหรือรัฐไหนๆ ก็ไม่ต้องใช้ทนายนะคะ คุณกับแฟนไปติดต่อที่ที่ทำการเคาน์ตี้ในเขตบ้านคุณ ขอไลเซ่นส์แต่งงาน หลักฐานที่ต้องนำไปแสดงคือพาสปอร์ต หรือใบขับขี่ ถ้าเคยแต่งงานมาก่อนก็ต้องมีใบหย่า ค่าธรรมเนียมก็ $40 ไลเซ่นส์นี้มีอายุ 60 วัน พอได้มาแล้วคุณต้องไปหาบาดหลวงให้ประกอบพิธี ค่าใช้จ่ายตรงนี้ก็ไม่น่าจะเกิน $250 จากนั้นบาดหลวงจะเซ็นชื่อในไลเซ่นส์และส่งไปที่เคาน์ตี้ คุณจะได้รับทะเบียนสมรสทางไปรษณีย์หลังจากนั้นไม่เกินสองอาทิตย์ค่ะ
ดูรายละเอียดที่นี่ http://www.health.state.ny.us/vital_records/married.htm
มี เรื่องเดียวที่อาจจะเป็นปัญหาในกรณีของคุณคือเรื่องอิมมิเกรชั่น คุณทำการบ้านมาดีหรือยัง สอบประวัติแฟนมั่งหรือเปล่าว่าเขาค้างจ่ายภาษีมั่งไหม รายได้ถึงเกณฑ์ขั้นต่ำตามที่อิมมิเกรชั่นกำหนดหรือเปล่า เคยทำล้มละลายหรือเปล่า เขาเคยมีประวัติทุบตีแฟนหรือเมียถึงขั้นขึ้นโรงพักหรือเปล่า
ถ้าที่ว่ามานี้ผ่านหมด ก็ไม่น่าจะมีปัญหาตอนยื่นเรื่องขอใบเขียว แต่ถ้าคุณวีซ่าขาดก็ควรให้ทนายยื่นเรื่องให้ โชคดีค่ะ
ชำแหละ Agent Work and Travel
Q: รู้ไว้ก่อนตัดสินใจเลือก Agent โครงการ Work and Travel
ดิฉัน เป็นบุคคลหนึ่ง ที่เข้าร่วมโครงการWork and Travel มาเมื่อเดือนเมษายนนี้ ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่ดิฉันตัดสินใจไป เพราะโดยส่วนตัวแล้วคิดว่ามันเป็นโครงการที่ดีที่เปิดโอกาสให้ดิฉันได้ไป สัมผัสอเมริกา แต่ครั้งนี้มันแตกต่างจากครั้งแรกที่ฉันไปเป็นร้อยเท่า เพราะครั้งแรกที่ไป ฉันไปที่รัฐ California และทำงานเป็นพนักงานทำความสะอาดที่ รีสอร์ทในGrand Canyond ที่นี้ให้รายได้ดิฉัน 6.5 เหรียญต่อชั่วโมง แต่ที่สำคัญเหนืออื่นใด นายจ้างใจดีและยุติธรรมมากๆ เป็นคนเดิมกับที่ฉันเจอตอนเข้างานJob Fair ที่Agent ในเมืองไทยจัดให้ ซึ่งเอเจนต์นี้ใหญ่ และมีชื่อเสียงดี และมีHead office อยู่ที่อเมริกาด้วย แต่ค่าโครงการค่อนข้างแพง ทำให้ในปีที่สอง ดิฉันเปลี่ยน Agent เพราะหลงเชื่อกับคำโฆษณาที่ บอกว่าจะให้ไปทำงานที่คาสิโน เขาให้รายได้กว่า 10 เหรียญต่อชั่วโมง แต่พอดิฉันไปเข้าไปถึงที่อเมริกาจริง ดิฉันและเพื่อนอีกสองคน กลับได้ไปทำงานเป็นHouse Keeping ที่โรงแรมในคาสิโน รัฐเนวาดา และได้ค่าแรง 7 เหรียญต่อชั่วโมง แต่แล้วเหตุการ์ณ จริงที่ท้าทายความรู้สึกสงสัยในตัวฉันก็เกิดขึ้นเมื่อ ดิฉันถูกให้ออกจากงานที่ทำหลังจากทำงานได้สองสัปดาห์ เพราะสาเหตุว่า ดิฉันไม่สามารถสื่อสารกับคนอเมริกันได้ดีพอ แล้วเขาก็เอาเด็กไทย อีกกลุ่มหนึ่งที่เดินทางมาถึงหลังฉันเข้าเสียบแทน ฉันและเพื่อนนั่งเครียดอยู่หลายชั่วโมงเพราะเราไม่มีงานทำ และตัดสินใจโทรกลับมาที่ Agentในเมืองไทย ซึ่งทางเอเจนต์รับปากว่าจะเคลียร์ให้ แต่เรื่องก็ผ่านไปสองวัน ฉันโทรกับไปที่เอเจนต์เมืองไทย เขาให้ฉันโทรกลับไปที่หา ตัวแทนที่อเมริกาอีกแห่งหนึ่งซึ่งเขามีงานรองรับให้ เมื่อดิฉันโทรไป ก็คุยกันไม่ค่อยรู้เรื่องแต่จับประเด็นได้ว่าเขาหางานให้ใหม่ รอไปจนจะครบสัปดาห์ทางเอเจนต์ที่อเมริกาโทรมาบอกว่าเขาหางานให้แล้วอยู่ที่ โรงงานทำสบู่ในรัฐ Minisota โอ้พระเจ้าจอร์ท มันไกลกันมาก จากที่ฉันอยู่ แต่ถ้าฉันไม่เอางานนี้ก็ไม่มีงานทำอยู่ดี ฉันและเพื่อนตัดสินใจหางานพาร์ทไทมทำที่ร้านไอศกรีมในรัฐเดิม เพราะค่าเดินทางแพงมาก ทำให้พวกเรามีชีวิตอยู่ได้แต่ไม่ดีเท่าไรเพราะถูกคนอินโดที่เป็น ซุป ด่าทุกวันว่าเราโง่ เราเจ็บใจมาก เพื่อนฉันนั่งร้องไห้มาหลายวัน จนกระทั่งเราปรับตัวได้และชินชากับคนอินโด หลังจากกลับมาเมืองไทย ฉันคิดอยู่เสมอว่าทำไมฉันถึงได้หลงเชื่อคนง่ายๆกับคำโฆษณาหลอกลวง ว่างานดีเงินดีในคาสิโน และฉันคิดว่าฉันต้องรู้ให้ได้ว่าเอนเจนต์ทำได้ยังไงและวันนี้จะมาชำแหละ พฤติกรรมของเอเจนต์ ไร้จริยธรรมว่าเขาทำได้อย่างไรที่นำพวกเราไปทิ้งไว้ที่อเมริกา
เรามาดูที่ฝั่งซ้ายในเมืองไทยก่อนว่ากระบวนการขอวีซ่าเป็นอย่างไร แผน ภาพแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เขาต้องไปขอซื้อ เอกสารDS 2019 จากบริษัทที่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาล เพื่อนำมาขอวีซ่า J1 ในเมืองไทย และองค์กรที่เขาเข้าร่วมด้วยเป็นเพียงบริษัทจัดหางานเท่านั้น บริษัทนี้จะจัดงานจำพวกแรงงานจำนวนมากๆเป็นหลัก ส่วนงานในคาสิโนเขาจะมีไม่เยอะ แต่จะใช้วิธีเวียนงาน เช่นเรามาทำได้ 2 สัปดาห์ ก็เอากลุ่มใหม่เข้ามา แล้วโอนเราไปทำอย่างอื่น ลองคิดดูสิ ว่าเด็กทั่วโลก หลายร้อยคน ต้องเจอแบบนี้ ใครซวยเหมือนเราจะตกหล่นคือ งานที่โอนไปใหม่ไม่มีให้ ต้องไปหางานเอง หรือรองานใหม่
รายได้ที่เราได้ รับก็โดนหัก เช่น คาสิโนให้ 8 เหรียญ แต่เขาหักเข้าบริษัทจัดหางาน 1 เหรียญ พอมีปัญหาในกรณีของฉัน ฉันพูดตามตรงเลยว่า ฉันไม่รู้จะพึ่งพาใคร เพราะเอเจนต์ที่เมืองไทยไม่มีอำนาจหางานใหม่ เขาแค่ส่งเรามาอย่างถูกกฎหมายเท่านั้นเอง นี้ไม่นับว่าถ้าเกิดอุบัติเหตุหรือมีปัญหาวีซ่า เราจะติดต่อที่ไหน กับใครอีกด้วย ปัญหาเหล่านี้ ทางเมืองไทยไม่ต้องรับผิดชอบเลย นี้แหละที่ดิฉันเรียกว่าลอยแพ ไร้จริยธรรมคะ โบราณว่า “ดูวัวให้ดูที่หาง ดูนางให้ดูที่แม่” คำโบราณนี้ยังคงใช้ได้จริงกับยุคโลกไร้พรมแดน
หากตัดสินใจ อยากไปWork ให้ไปเช็คที่บริษัทแม่นะคะว่า สามารถออก DS 2019 ได้เองหรือเปล่า มีปัญหาติดต่อที่ไหน office อยู่ที่ไหน
นาย จ้างเป็นอย่างไร อย่างหลงชื่อแต่คำโฆษณา ลองสังเกตว่า เขาจะใช้คำว่า จองงาน ไม่ใช่คำว่าได้งาน เขาไม่การันตีว่าเราได้ทำงานนั้นกี่วันคะ ทาง ที่ดีก่อนเดินทางไปควร พบงานกับนายจ้างตัวจริง เหมือนในปีแรกที่ฉันไป เพราะเราได้พูดคุย รู้จักเขาก่อน ไม่ใช่ไปตายเอาดาบหน้า มันเสี่ยงมากคะ หวังว่า ข้อมูลที่ให้จะช่วยให้เด็กหลายๆคนตัดสินใจได้ถูกต้องมากขึ้นนะคะ โชคดีคะ
A: โครงการ Work & Travel นี้ ผู้ผลักดันให้เกิดขึ้นมา คือนักการเมืองที่มีนายทุนใหญ่ที่ต้องการเลี่ยงกฏหมาย แรงงาน และกิจการนั้นๆ เป็นกิจการที่ต้องการ non-skilled labor จำนวนมาก เช่น รีสอร์ท สวนสนุก ฯลฯ ข้อได้เปรียบของนายจ้างคือ ได้แรงงานที่พูดภาษาอังกฤษได้ ค่าแรงถูกคือต่ำสุดตามที่กฏหมายกำหนด ไม่ต้องรับผิดชอบเรื่องสวัสดิการ ไม่มี healthcare, insurance, 401K, ฯลฯ เนื่องจากอเมริกาเป็นประเทศที่ใครๆ ก็อยากมา ดังนั้นเรื่องการตลาดจึงเป็นเรื่องง่าย ทำให้คนจำนวนมากสมัครเข้าโครงการ เมื่อมาแล้วก็เหมือนกับซื้อหวย คือโชคดีไปเจอคนดี จังหวะเรื่องภาวะเศรษฐกิจดี ทำเลที่ตั้งของกิจการ ฯลฯ ก็ดีไป แต่มากกว่าครึ่งที่มาแล้วประสบปัญหา ถูกปล่อยเกาะ ไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานใดได้
วีซ่าสำหรับโครงการแลก เปลี่ยนนี้ ผู้มีอำนาจเต็มในทุกเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องวีซ่า คือสปอนเซ่อร์ของคุณ คนที่จะมาเป็นสปอนเซ่อร์ได้คือ ต้องได้รับ contract จากรัฐบาล มีเงินประกันวางไว้ ฯลฯ โดยทั่วไปตามเงื่อนไขคือ ถ้าคุณออกจากโครงการก่อนกำหนด ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร เขาจะต้องแจ้ง DHS ภายใน 5 วัน เพื่อยกเลิกวีซ่าของคุณ มิฉนั้นเขาจะได้รับผลกระทบคือ เงินค่าปรับ และประวัติเสียซึ่งอาจจะทำให้ไม่ได้รับการพิจารณาต่อสัญญา ฯลฯ
เอเย่นต์ ทางเมืองไทยส่วนใหญ่เห็นแก่ตัวมาก ไม่ได้มีความรู้ หรือเข้าใจเรื่องเงื่อนไขของโครงการ รวมทั้งเรื่องสถานะของวีซ่าเลย พูดอะไรออกไปไม่สนใจขอให้ขายโปรแกรมได้ และเรื่องพ้นตัวไปเท่านั้น ไม่ได้คำนึงผลกระทบที่จะเกิดกับตัวพวกคุณในวันข้างหน้า เอเย่นต์ในเมืองไทยมีหน้าที่ทำ marketing เท่านั้น ไม่มีสิทธิมายกเลิกวีซ่าของคุณ แต่เท่าที่เห็น ไม่เคยมีรายไหนช่วยคุณต่อรองกับเอเย่นต์ทางอเมริกาเลย
การ เข้าโครงการประเภทนี้ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการประสบการณ์ ชอบผจญภัย ทนลำบากได้ ไม่เหมาะสำหรับคนที่หวังเก็งกำไรค่ะ ความเห็นของดิฉันเอง น่าจะเรียนให้จบแล้วขอมาทำงานในลักษณะ intern จะดีกว่าค่ะ
สอบถามเรื่องขอวีซ่าไปอเมริกาของคนอิรัก
Q: ขอทราบรายละเอียดหน่อยครับว่าถ้า เป็นคนอิรักอยากจะเข้าไปอยู่ที่อเมริกาประมาณ 6 เดือน ถึง 1 ปี ( ท่องเที่ยว) จะต้องทำอย่างไรเพื่อให้ได้วีซ่านี้ครับ แล้วจะเป็นไปได้ไหมครับว่าถ้าให้เค้ามาทำเป็น resident ที่ไทยก่อน แล้วค่อยไปขอทำวีซ่า อเมริกา
อยากทราบรายละเอียดด่วนครับ ใครทราบช่วยหน่อยนะครับ
ขอบคุณล่วงหน้าครับ
A: ไม่ต้องทำอะไรเลย คือเสียเงินเปล่าค่ะ ยังไงๆ กงสุลก็ไม่ออกวีซ่าให้แน่ๆ ตั้งแต่เหตุการณ์ 9/11 อเมริการะงับการออกวีซ่าชั่วคราวให้อิรัคกับอิหร่าน และถอนเจ้าหน้าที่สถานทูตกลับหมด ส่วนผู้ขอวีซ่าถาวรที่ยื่นค้างไว้นั้น pending ไม่มีกำหนด
คนที่มาจากสองประเทศนี้และได้วีซ่าอเมริกา นั้น คือคนที่อพยพไปตั้งถิ่นฐานในประเทศอื่นนานนับสิบๆ ปีเท่านั้น ส่วนคนที่ได้ใบเขียวแล้ว ไม่สามารถทำซิติเซ่นได้ เรื่องค้างมาตั้งแต่ 9/11 ค่ะ
ขอความช่วยเหลือ วีซ่า K3 USA ค่ะ
Q: เพิ่งแต่งงานกับสามีชาวเมกันค่ะ และกำลังจะทำเรื่องขอวีซ่าไปอยู่ที่โน่น แต่ไม่ทราบว่าเวลาแปลเอกสารจากทางบริษัทรับแปลแล้ว เราต้องไปให้กรมการกงศุลรับรองอีกรึเปล่าคะ ไม่ค่อยแน่ใจค่ะ ก่อนที่เราจะส่งเอกสารการแปลทั้งหมดไปให้กับสามีทางโน้นทำเรื่องน่ะคะ รบกวนผู้มีประสบการณ์ช่วยเหลือหน่อยนะคะ และไม่ทราบว่าพอจะมีเว็บไหนที่พอจะแนะนำให้สามีเปิดเข้าไปอ่านดูได้บ้างคะ พอดีว่าไม่เคยด้วยกันทั้งคู่ค่ะ.... ขอความกรุณาช่วยด้วยนะคะ
A: เอกสารที่ไปจ้างเขาแปล คุณควรถามเขาให้ชัดเจนว่าเขานำไปให้กรมการกงสุลรับรองด้วยหรือเปล่า ถ้าบริการของเขาคือแปลอย่างเดียว คุณก็ควรนำเอกสารไปรับรองที่กรมการกงสุลเสียก่อน ถุ้าเขารับยื่นกรมการกงสุลให้ด้วย คุณก็ไม่ต้องทำอะไร
ก่อนจะ ดำเนินการแปลเอกสารตรวจทานเอกสารต้นฉบับภาษาไทย เช่นสูติบัตร พาสปอร์ต ชื่อพ่อแม่ ฯลฯ ให้ดีก่อนว่ามีอะไรขัดแย้งกันเองไหม เช่น ชื่อสะกดไม่เหมือนกัน วันเดือนปีเกิดผิด หรือสถานที่เกิดผิด ถ้ามีอะไรขัดแย้งกันก็แก้ไขทำใหม่เสียให้ถูกต้องก่อน แล้วค่อยนำไปแปลและรับรอง จะได้ไม่มีปัญหาต้องส่งกลับไปกลับมาทีหลังนะคะ
อยากรู้เรื่อง การดูดกัญชา ของชาวอเมริกัน
Q: คือ สงสัยมานานแล้ว มีเพื่อนเป็นชาวอเมริกัน คือ เรียนอยู่ที่เดียวกัน ทีนี้ทุกคนเค้าดูดกัญชากันหมดเลย ทั้ง ชาย และ หญิง คือ เค้าบอกเลยว่า เค้า สูบกัญชา
ซึ่งเราไม่รู้ และไม่เคยถามว่า กัญชาที่ดูดกันนี่ มันผิดกฎหมายของอเมริกาหรือเปล่า แล้ว สำหรับสังคมอเมริกันแล้ว การดูดกัญชา ถือว่า เป็นเรื่องปกติ หรือเปล่า หาซื้อได้เลยโดยที่ไม่ผิดกฎหมายหรือหรือยังไงค่ะ
เพราะไม่กล้าถามกลัวเค้าเอง เพราะเห็น ดารา นักร้อง ดังๆของที่นี้หลายคน ชอบถูกจับ หรือถูกแอบถ่ายภาพ ขณะ พี้กัฐชา เมากัญชา
คือ ไม่ใช่อะไรหลอกคะที่ถาม พอดีกำลังคุยๆ กำลังสนใจคนนึงมากกว่าเพื่อน เป็นจีนเกิดและโตที่อเมริกา แต่พอเค้าบอกเรา ว่าเค้า สูบกัญชา เราเลยมาคิดๆดู ว่าคบๆไปแล้วเรากลัวสักวันเค้าจะมีอาการหลอนๆ คือ กลัวว่ามันจะน่ากลัว เหมือนคนติดยา ทั่วๆไปที่ อาการแปลกๆ อะไรทำนองนั้น อีกอย่าง ถ้าบอกเค้าไม่ไปว่าเราไม่ชอบเค้าแล้วเพราะเค้า สูบกัญชา มันจะประหลาดหรือเปล่า เพราะ เราไม่รู้สังคมของที่อเมริกา ยอมรับกับคนสูญชา มากน้อยแค่ไหน เพราะทีแรก คิดว่าแค่สูบบุหรี่ เฉยๆ สำหรับเราก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าคนทีนี้ เรื่อง กัญชา มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ เราก็คิดว่า เราก็ต้องยอมรับได้ ว่ามันเป็น ปกติเช่นเดียวกับการสูบบุหรี่
ยังไงรบกวนชี้แจงด้วยนะค่ะ ขอบคุณคะ
A: จขกท ลองศึกษาดูนะคะ http://norml.org/index.cfm?wtm_view=&Group_ID=4525
บทลงโทษนี้เป็นของรัฐ CA ค่ะ
(สับสน) หลงรักเพื่อนต่างชาติที่คุยอยู่ เรื่องน่าอายที่เราไม่รู้จะหาทางออกเช่นไร
Q: ไม่รู้จะทำยังไงดีค่ะตอนนี้ สับสนในตัวเองจริงๆ จากที่จะหาเพื่อนต่างชาติไว้คุยฝึกภาษามาตอนนี้ หลงชอบเข้าให้อย่างจัง จะ ทำยังไงต่อดี เขาเห็นเราเป็นเพื่อนแท้ๆ แต่เรากลับคิดไม่ซื่อแบบนี้ เขาเปิดเผยกับเราหลายเรื่องโยเฉพาะเรื่องที่คุยกับสาวไทยหลายคน ที่เขาอ้างว่าเป็นเพื่อนเหมือนเราสิน่า
บ่อยครั้งที่คุยเอ็มกันแล้ว เขาไม่ทัก ไม่ตอบเอ็มเราทำให้เราน้อยใจแทบทุกครั้ง พลางคิดไปว่าเขาคงคุยกับสาวๆ คนอื่นอยู่ก็แทบจะไม่อยากคุยกับเขาต่อ ตอนนี้จะทำไงดีหน่อ เรารู้สึกสับสนจริงๆ จะคุยกับเขาต่อดีและตัดความคิดบ้าๆ นี้ออกไปให้หมด เราจะทำได้ไหม หรือ เลิกคุยกับเขาไปเลย ทั้งๆ ที่คุยกันมานานแล้ว
ปล. กระทู้นี้อาจไร้สาระสำหรับใครหลายคน แต่ใครที่เคยเป็นเหมือนเราจะรู้ค่ะว่ามันทรมารมากๆ ทั้งๆ ที่รู้ว่าในเน็ตคนจะปั้นแต่งให้ตัวเองโก้หรูขนาดไหนก็ทำได้ แต่ใจเรามันไม่รักดีเอง
ขอบคุณล่วงหน้าค่ะที่แวะเข้ามาอ่าน หากใครมีคำแนะนำหรือเคยเจอสภาพเหตุการณ์แบบนี้เกิดกับตัวเองก็ขอให้ร่วมแบ่งปั่นด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
A: จขกท ไม่ใช่คนแรกที่เป็นแบบนี้ คือรู้ทั้งรู้ว่าเขาคุยกับสาวไทยหลายคน หรืออาจจะมีสาวปินส์ สาวเวียตนาม ฯลฯ อีกนับไม่ถ้วน ก็ยังหลงละเมอเพ้อพกไปได้มากมาย
มีแฟนคลับจาก เมืองไทยหลายคนมาปรึกษาปัญหาหัวใจ เรื่องเกิดขึ้นในทำนองเดียวกันกับ จขกท นี่แหละ แต่พอเจอตัวเข้ายอมไปนอนกับเขาเสียง่ายๆ ไม่รู้ว่าอยากลองหรือหวังจับ หรือทั้งสองอย่าง ผลคือ พอเขากลับไปเขาหายไปเลย ไม่ออนเอ็มให้เห็น หรือเปลี่ยนสกรีนเนมใหม่ก็ไม่ทราบได้ ประเภทหายไปเฉยๆ ยังดี เพราะมีบางคนได้ของที่ระลึกไว้ดูต่างหน้าคือพบว่าตัวเองท้อง...
ถ้าไม่ได้จดทะเบียนสมรส แล้วท้องขึ้นมาโดยที่ตัวอยู่กันคนละประเทศแบบนี้บอกได้เลยนะคะ ยากค่ะ.........................
ขอวีซ่าอเมริกาไม่ผ่าน 2 ครั้ง ด้วยเหตุผลที่ว่ามีแม่อยู่ที่นั่น......ใครมีคำแนะนำช่วยทีค่ะ
Q: เรื่องของเรื่องคือ หนูเคยไปขอวีซ่าท่องเที่ยวอเมริกามาครั้งหนึ่ง ตอนปีหนึ่ง (ตอนนี้เพิ่งเรียนจบค่ะ) เพราะอยากไปเที่ยว ไปเยี่ยมคุณแม่และน้องที่นั่น คือแม่หนูไปอยู่ที่นู่นได้เกือบ 10 ปีแล้วค่ะ และมีครอบครัวใหม่อยู่ที่นั่นเลยได้ green card เรียบร้อย แต่ วีซ่าที่หนูขอไม่ผ่านเพราะเค้าบอกว่าหนูไม่มีความมั่นคงที่ประเทศไทยเลย เพราะหนูอยู่กับคุณย่า เงินที่ได้รับก็ได้มาจาก แม่ส่งมาให้ เค้าบอกว่าทุกอย่างหนูมีพร้อมอยู่ที่อเมริกาหมดเลย หนูอาจไปแล้วไม่กลับมาเมืองไทย อีกครั้งหนูจะไป work& travel ครั้งนี้หนูก็ไม่ผ่าน เพราะพี่ที่เอเจนซี่บอกว่าไม่ต้องเขียนว่ามีแม่ อยู่ที่นั่น หนูไม่รู้ก็เลยทำตามที่พี่เค้าบอก พอตอนไปสัมภาษณ์วีซ่า เค้าก็มีข้อมูลเก่าของหนูอยู่แล้ว เค้าก็เลยบอกหนูว่าหนูพยายามปิดบังข้อมูล ก็เลยไม่ได้อีก
ตอนนี้หนู เรียนจบแล้ว แต่อยากไปเรียนภาษาที่นั่นสัก 6 เดือน แล้วจะกลับมาสมัครแอร์ที่นี่ ไม่ได้อยากไปอยู่ที่นั่นถาวร เพราะอยากกลับมาอยู่กับคุณย่า
หนูอยากรู้ว่าใครพอจะแนะนำได้บ้าง ว่าหนูควรจะทำยังไง แค่อยากขอวีซ่าไปเรียนภาษาเฉยๆ เพื่อความก้าวหน้าของตัวเอง ถ้าขอวีซ่าไปเรียนมีเปอร์เซ็นต์จะได้ไปมากกว่ารึป่าวค่ะ แต่ต้องเตรียมตัวและเอกสารอย่างไร
รบกวนใครที่พอจะทราบช่วยบอกหนูด้วยนะคะ
ขอบคุณค่ะ
A: ให้คุณแม่รีบทำซิติเซ่นเสีย จากนั้นก็ทำเรื่องขอใบเขียวให้คุณ ส่วนถ้าไม่อยากอยู่อเมริกาเป็นการถาวร ถึงตอนนั้นคุณสามารถทำเรื่องยกเลิกใบเขียวได้ และเมื่อทำเรื่องยกเลิกใบเขียวแล้ว คุณก็จะมีสิทธิได้วีซ่าท่องเที่ยวสิบปี
แต่ ณ ปัจจุบัน คุณไม่สามารถจะขอวีซ่าชั่วคราวประเภทไหนๆ ได้ เพราะว่า...
หนึ่ง คุณมีแม่ที่ถือใบเขียว ซึ่งหมายความว่าคุณ qualified ที่จะได้วีซ่าถาวร และ
สอง คุณไปโกหกเอาไว้ตอนสมัคร WT ซึ่งอันนี้มีผลเสียกับประวัติของคุณอย่างมาก คือจะทำให้คุณขอวีซ่าชั่วคราวประเภทไหนๆ ไม่ผ่านเลย
วีซ่าผู้ติดตาม
Q: อยากทราบว่าตอนนี้ถือวีซ่า h4 อยู่น่ะค่ะและอยู่กับสามีที่รัฐเทกซัส ส่วนตัวเองต้องการไปเรียนต่อรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยแยกกันอยู่ สามารถทำได้ไหมค่ะ
A: คำว่าแยกกันอยู่ของคุณหมายความว่ายังไงคะ..........
H-4 เรียนหนังสือได้แต่จะขาดทุนตรงที่ไม่ได้ OPT และถ้าเรียนๆ ไป หากสามีคุณฟ้องหย่า คุณต้องรีบทำเรื่องขอเปลี่ยนเป็น F-1 ทันที
ทางที่ดีคือทำเรื่องขอเปลี่ยนสถานะไปเลยค่ะ แต่ถ้าการแยกกันอยู่เป็นความเต็มใจของทั้งคู่ และคุณไม่ต้องการขอ OPT ก็ไม่ต้องค่ะ
SSN
Q: My friend has SSN issued by college.He is an international student .He has worked off campus by using SSN for a year.In the summer, he has left the US .He will come back next month. I wanna know . Can he come back to the US without a trouble or not?.......Why?.....I wanna let him know. I used to warn him.He didn't trust me .
A: เคยมีตัวอย่างเมื่อเร็วๆ นี้ ว่า F-1 วีซ่าหมด กลับไปขอวีซ่าที่เมืองไทยเพื่อจะมาใหม่ กงสุลพบว่าทำงานมี record การใช้ SSN หักภาษี ผลคือวีซ่าไม่ผ่าน
อีกรายนึงเป็นสาวชาวอเมริกาใต้ ถือวีซ่าท่องเที่ยว ได้ SSN มาจากโครงการ W&T เจอ ตม... ตม บอกเองเลยว่าคราวที่แล้วอยู่ตั้งหกเดือนแถมมาทำงานด้วย กลับไปก่อนเถอะ ไม่ทันได้พูดอะไรสักคำ โดนส่งกลับค่ะ
ถ้าเพื่อนคุณเขาไม่ห่วงตัวเอง ก็ปล่อยๆ ไปเถอะค่ะ