ทีแรกตั้งใจว่าจะเขียนเรื่องนี้หนเดียว แล้วก็จบกัน ปรากฏว่า ประมาณสามสี่เดือนมานี่ มีคำถามเข้ามาบ่อยมากๆ เลยอยากเอามาเล่าสู่กันฟัง ไว้เป็นความรู้ จะได้ไม่หลงกล ไปตกระกำลำบาก ในต่างแดนค่ะ
เริ่มต้นก็โดยรู้จักกันทางอินเตอร์เน็ท โดยมากฝ่ายชายจะเป็นคนสูงวัยหน่อย และเกษียณก่อนวัย พวกนี้จะคุยโม้เกินจริง คือบอกว่ารวย มีบ้าน มีเงินบำนาญ และเงินบำนาญนี้ ตกทอดไปยังคู่สมรส และทายาทได้ หากเจ้าตัวเสียชีวิต หรือถ้ายังทำงาน ก็จะบอกว่าเป็นหมอ แต่จริงๆ เป็นพนักงานหน่วยพยาบาลรถฉุกเฉิน ฯลฯ ทีนี้ก็จะบอกว่า ไม่สามารถเดินทางไปเมืองไทยได้ เพราะรัฐบาล ไม่ยอมออกพาสปอร์ตให้ เนื่องจากอดีตภรรยาเรียกร้องเงินทอง ถ้าไม่จ่ายก็จะไม่ถอนเรื่อง เลยทำให้ขอพาสปอร์ตไม่ได้ ให้ฝ่ายหญิง เป็นคนเดินทางไปหา โดยจะออกค่าใช้จ่ายให้ กรณีอย่างนี้มีเกิดขึ้นมา หลายรายมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในกรณีที่ฝ่ายหญิง มีวีซ่าท่องเที่ยวสิบปีอยู่แล้ว หรือเป็นคนที่รับราชการ มีอายุงานนานๆ เพราะกลุ่มนี้ มักจะขอวีซ่าท่องเที่ยวได้ง่าย
ดิฉันมาทราบเรื่องนี้เอาเมื่อปีเศษๆ มานี่เอง มีผู้หญิงไทยหลายคนอีเมล์มาปรึกษา หนึ่งในนั้นเคยรับราชการเป็นอาจารย์ระดับห้าอยู่ต่างจังหวัด ได้รู้จักกับผู้ชายอเมริกันคนหนึ่งทางอินเตอร์เน็ท ฝ่ายชายบอกว่า เขาเดินทางมาเมืองไทยไม่ได้ แต่ถ้าเธอมาอเมริกาเขาสามารถทำเรื่องแต่งงานกับเธอ และขอใบเขียวให้ได้ พอไปถึงฝ่ายชายก็ยื้อไว้ โดยอ้างว่าอย่ากลับเลย แต่งงานแล้วยื่นเรื่อง ปรับสถานะในอเมริกานี่แหละ เร็วดี หกเดือนก็ได้ใบเขียวแล้ว ไม่ต้องกลับไปรอวีซ่าคู่หมั้นที่เมืองไทยตั้งเกือบๆ ปี แถมยังต้องมารอปรับสถานะในอเมริกาอีกหกเดือน พอเขามีทีท่ารักใคร่ ฝ่ายหญิงก็ตายใจ เชื่อเขาหมด ยอมโดดวีซ่า พอแต่งงานไปแล้ว ถึงได้รู้ว่า สามีไม่ได้เสียภาษี มาหลายปีดีดัก ไม่ได้จ่ายค่าเลี้ยงดูบุตร และยังชีพด้วยเงิน social security ซึ่งไม่ได้มากมายเลย เมื่อเทียบกับค่าครองชีพ ในอเมริกา
ทีนี้พอแต่งงานไป ก็ไม่สามารถขอใบเขียวได้ ถ้าจะลบล้างข้อหาต่างๆ ก็ต้องจ่ายเงินค่าปรับให้รัฐเป็นเงินถึงแสนห้าหมื่นดอลล่าร์ วีซ่าท่องเที่ยวของสาวเจ้าก็ขาดแล้ว งานที่เมืองไทย ก็ลาออกมาแล้ว จะกลับไปก็อายญาติพี่น้อง การใช้ชีวิตอย่างโรบินฮู้ดในอเมริกา ในปัจจุบันนี้ ต่างกับสมัยก่อนมาก เนื่องจากระเบียบต่างๆ เข้มงวดมากขึ้นหลายเท่าตัว สามีก็โขกสับ ตัวจะหันหน้าไปพึ่งใครก็ไม่ได้ เอกสารอะไรก็ไม่มี เงินก็ไม่มี ฯลฯ หลายคนต้องทำงาน รับค่าแรงต่ำกว่า ที่กฏหมายกำหนด เพราะไม่มีทางเลือกอื่น ยังดีกว่าไม่มีงานทำเลย ระหว่างนั้นพ่อเจ้าประคุณ ก็แชทออนไลน์กับผู้หญิงไทยมั่งฟิลิปปินส์มั่งทั้งวัน ไม่ทำอะไร ให้เมียหาเลี้ยง ที่ร้ายกว่านั้นก็คือ อยู่กันไปทะเลาะกัน ถึงขั้นตบตี ฝ่ายหญิงก็ไม่กล้าไปแจ้งความ เพราะกลัวโดนส่งกลับ
ความจริงคือผู้ชายอเมริกัน ไม่สามารถเป็นสปอนเซ่อร์ ยื่นขอใบเขียวให้ ผู้หญิงต่างชาติได้ทุกคนไป ดังนั้นถ้าฝ่ายหญิงเฉลียวใจสักนิดว่า ทำไมถึงไม่สามารถทำพาสปอร์ตได้ และศึกษาหาข้อมูลสักหน่อยก็จะไม่ถูกหลอก ทีนี้จะรู้ได้อย่างไรว่าเขาหลอก
ข้อแรกคือเรื่องพาสปอร์ต คนที่ไม่สามารถ ขอทำพาสปอร์ตได้คือ คนที่เป็นหนี้รัฐบาล เมื่อไม่นานมานี้ รัฐบาลอเมริกันออกระเบียบใหม่มาบังคับใช้ รัฐจะไม่ต่ออายุพาสปอร์ตและใบขับขี่ให้ หรือถ้าหมดอายุจะขอทำใหม่ ก็จะทำไม่ได้จนกว่าจะจ่ายหนี้รัฐบาลให้หมดเสียก่อน คนกลุ่มนี้คือผู้ที่ค้างจ่ายค่าเลี้ยงดูบุตร เป็นจำนวนเกินห้าพันเหรียญ เนื่องจากจำนวนผู้ที่ไม่ยอมจ่ายค่าเลี้ยงดูมีมาก และทางรัฐ ต้องสำรองจ่ายให้ครอบครัวไปก่อน ดังนั้นจึงได้ออกกฏมาว่า ถ้าใครค้างชำระค่าเลี้ยงดูุบุตรจะไม่สามารถขอทำพาสปอร์ตได้ นอกจากนั้น ก็คือผู้ที่เคยถูกศาลตัดสินให้ชดใช้ค่าเสียหาย เช่น เคยเมาขับรถชนคน บาดเจ็บสาหัส แต่ไม่ได้จ่าย
ถ้าผู้ชายอเมริกันมาบอกคุณว่า อดีตภรรยาฟ้องเรียกร้องเงินเพิ่ม ถ้าไม่จ่ายเธอก็จะไม่ถอนฟ้อง อย่าเพิ่งเชื่อค่ะ การจะเรียกร้องเงินเพิ่มนั้น มีกรณีเดียวคือค่าเลี้ยงดูบุตร เพราะสามารถเรียกร้อง เพิ่มได้ตามจริง คือต้องมีหลักฐานมาแสดง ในส่วนที่ว่าอดีตภรรยามีอำนาจในการดึงเรื่อง หรือคัดค้านการขอทำพาสปอร์ตนั้น ไม่จริงค่ะ ถ้าหย่ากันแล้วทุกอย่างก็ถือว่าจบกัน เพราะได้ทำข้อตกลง เรื่องสินสมรส สิทธิการดูแลบุตร ฯลฯ ตั้งแต่ตอนหย่าเรียบร้อยแล้วค่ะ ส่วนประเด็นอื่น ที่อาจเป็นไปได้ คือ ไม่ได้จ่ายภาษี ต่อเนื่องกันมาหลายปี หรือถูกศาลตัดสิน ให้จ่ายค่าชดเชยให้ผู้เสียหาย แต่ไม่ได้จ่ายค่ะ
สรุปคือ อย่าเชื่ออะไรใครง่ายๆ อย่าคิดว่าฝรั่งเป็นเทวดา คนเผ่าพันธุ์ไหนๆ ก็มีดีมีเลว ปะปนกันไป หัดศึกษาหาความรู้ ใช้อินเตอร์เน็ท ให้เป็นประโยชน์ อย่าโลภ หรือหวังหาทางลัด คุณอาจกลายเป็นเหยื่อ ของคนที่ฉวยโอกาสจากตรงนี้ได้ค่ะ
