คนไทยเราเวลามีเรื่องทะเลาะกันประสาผัวๆ เมียๆ ไปแจ้งความ ตำรวจมักจะไม่รับแจ้งโดยอ้างว่าเดี๋ยวก็กลับไปดีกัน แต่ถ้าคุณอยู่ในอเมริกา ทำแบบนั้นไม่ได้ค่ะ คุณจะเสียเปรียบสามีหลายขุมทีเดียว เรื่องที่ผู้หญิงทุกคนที่แต่งงานกับสามีอเมริกันควรทราบไว้ เพื่อจะได้รับสถานการณ์ได้อย่างถูกต้อง หลักใหญ่ๆ คือ
ห้ามตอบโต้
คำว่าห้าม ตอบโต้ในที่นี้ เหมารวมทั้งการตอบโต้ด้วยวาจา และการตอบโต้ด้วยกำลัง หรือเครื่องทุ่นแรง ผู้หญิงหลายคนเจอปัญหาว่าสามีเวลาเมามักจะบ่นด่าหยาบๆ คายๆ ไม่รู้จักเลิกไม่รู้จักพอ หลายคนตบะแตก คือ เธอด่ามาฉันก็ด่ากลับ ทีนี้แทนที่เรื่องจะจบ หรือต่างฝ่ายต่างสงบลงไปได้ ก็จะกลายเป็นว่าสถานการณ์ยิ่งร้อนหนักขึ้นไปใหญ่ คราวนี้ส่วนมากจะตามมาด้วยการขว้างปาข้าวของ หรือถ้าอยู่ในรัศมีที่คว้าตัวถึง ก็กำปั้นมั่ง หลังมือมั่ง ต่อยเตะ หรือชักปืนออกมาขู่ ตามแต่ใจ
ถ้า สามีคุณเป็นแบบที่ว่ามานี่ อย่าตอบโต้เด็ดขาด ถ้าเขาส่งเสียงดุด่าทำให้คุณเกิดโมโห ให้พาลูกเดินหนีไปเสียไกลๆ พอเขาสงบ เงียบเสียงแล้วค่อยกลับมา ถ้าอาการนี้มีบ่อย คือรายวันทุกวัน หรือมากกว่าสามครั้งต่ออาทิตย์ รอเวลาที่เขาไม่เมา อารมณ์ดีๆ ชวนเขาไปรับการบำบัด ไม่ว่าจะเป็นการเลิกเหล้า หรือ marriage counseling การชวนเขาไปเข้าคอร์ส marriage counseling นั้นมีผลดีกับตัวคุณเอง คือเป็นหลักฐานที่ดีในการพิสูจน์ว่า คุณได้พยายามอย่างเต็มความสามารถแล้ว ที่จะประคับประคองชีวิตแต่งงานให้ไปได้รอด หากเกิดต้องหย่ากันขึ้นมาก่อนครบสองปี คือก่อนที่คุณจะทำเรื่องถอดถอนเงื่อนไขเป็นใบเขียวถาวร
ถ้า เหตุการณ์แบบนี้เกิดบ่อยๆ และคุณรู้สึกไม่ปลอดภัย ทางที่ดีคือหาที่พักพิงชั่วคราว ไม่แนะนำให้ไปพึ่งเพื่อน เพราะการไปพึ่งเพื่อนนั้น ถึงจะพึ่งได้ เพื่อนแสนดีเต็มใจช่วยเหลือให้ที่พักพิง ฝากงานให้ทำ ฯลฯ แต่มีข้อเสียเรื่องพยานหลักฐานในแง่ของอิมมิเกรชั่น ทางที่ดีคือติดต่อบ้านพักฉุกเฉิน หรือที่เรียกว่า Shelter ในพื้นที่ของคุณ โทรถามจากเบอร์ Hotline ของเคาน์ตี้ที่คุณอยู่ได้ หรือดูรายชื่อได้จากที่นี่
รายชื่อหน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือกรณีที่ถูกคู่สมรสทุบตีทำร้าย ในรัฐต่างๆ
ขอความช่วยเหลือ
ถ้าสามีคุณเป็นประเภทปากว่ามือถึง อย่าทำเฉย หรือทน คุณมีสิทธิในความเป็นบุคคลเท่ากัน ดังนั้นไม่ต้องทน ไม่ต้องกลัวว่าเดี๋ยวสามีไม่ทำใบเขียวให้ ที่คุณต้องทำคือ ทันทีที่สามีใช้กำลังทำร้ายคุณ โทร 911 ทันที แจ้งเลขที่บ้านกับชื่อของคุณไป ตำรวจจะมาถึงบ้านภายในไม่เกินสิบนาที ให้การไปตามความจริง อย่าใจอ่อนถอนฟ้องเป็นอันขาด เพราะแทบทุกรายพอใจอ่อน ถอนฟ้อง โดนสามียืมมือกฏหมายเล่นกลับ ถ้าคุณบาดเจ็บ มีรอยฟกช้ำ มากหรือน้อยไม่สำคัญ ให้ไปหาหมอทันที ให้หมอตรวจว่าคุณไม่เป็นอะไรหรือต้องการรับการรักษาหรือไม่ ฯลฯ ขอใบรับรองแพทย์มาด้วย และเก็บเอาไว้ให้ดี เอกสารนี้สำคัญมาก เวลาที่คุณจะต้องทำเรื่องถอดถอนเงื่อนไข เป็นใบเขียวถาวรในกรณีที่สามีไม่ร่วมมือ อย่ามัวรีรอ คนที่แจ้งความก่อนได้เปรียบ ดังนั้นอย่ารอจนเขาแจ้งความเอากับคุณค่ะ
โดย ทั่วไปบ้านพักฉุกเฉินจะให้ที่พักเป็นการชั่ว คราว รวมทั้งช่วยฝากงานให้คุณทำ เมื่อมีรายได้พอเลี้ยงตัวได้ คุณก็จะได้ออกไปเริ่มต้นด้วยตัวเองได้ ถ้าคุณมีลูกก็สามารถหอบลูกไปกับคุณด้วยได้ เพราะถือเอาเรื่องความปลอดภัยเป็นประเด็นหลัก ชีวิตในบ้านพักฉุกเฉินอาจจะไม่สะดวกสบายเหมือนอยู่บ้านตัวเอง แต่ข้อดีคือ หนังสือรับรองที่บ้านพักฉุกเฉินออกให้คุณโดยระบุว่า ที่คุณมาพึ่งบ้านพักฯ ก็เพราะสามีทำร้ายร่างกาย เอกสารฉบับนี้หาค่ามิได้เวลาคุณเอาไปยื่นกับอิมมิเกรชั่น เวลาที่ทำเรื่อง ถอดถอนเงื่อนไขเป็นใบเขียวถาวรด้วยตัวเอง บ้านพักฯ หลายแห่งมีทนายประจำ ดังนั้นการทำเรื่องฟ้องหย่า เรียกค่าเลี้ยงดูบุตร ก็จะง่ายสำหรับคุณ ส่วนมากไม่มีบริการเรื่องอิมมิเกรชั่น ดังนั้นคุณอาจจะต้องหาคนช่วยเรื่องอิมมิเกรชั่นทีหลัง แต่จากประสบการณ์ ผู้บริหารบ้านพักฉุกเฉินหลายแห่ง พยายามช่วยเหลือ ทุกวิถีทาง รวมทั้งเรื่องสถานะทางอิมมิเกรชั่น ดิฉันเองวันดีคืนดีมีผู้บริหารบ้านพักฉุกเฉินในต่างรัฐ อีเมล์มาขอปรึกษาว่าควรทำอย่างไร ส่วนมากก็ลงเอยด้วยการช่วยกันทำเรื่องให้ ได้ใบเขียวถาวรกันไปก็มากแล้ว ทั้งคนไทยและคนชาติอื่นค่ะ
ถ้าพลาดไป
ถ้าคุณยั้ง ตัวเองไม่อยู่ เผลอคว้าอะไรใกล้มือฟาดสามีไปโครมนึง ปรากฏว่าพ่อตัวดีโทรแจ้งตำรวจ ผลคือคุณถูกจับ ถ้าเป็นกรณีอย่างนี้ ก่อนอื่นต้องดูด้วยว่า สามีแจ้งความคุณข้อหาอะไร เช่นถ้าคุณทำร้ายร่างกายเขาอย่างเดียว ก็จะโดนเพียงแค่กระทงเดียว แต่ถ้าคุณตีเขาแล้วหอบลูกหนีออกมา คุณอาจจะโดนสองข้อหาพร้อมกัน คือข้อหาทำร้ายร่างกาย และข้อหาลักพาตัวลูก หรือที่เรียกว่า parental kidnapping ทั้งสองข้อหานี้เป็นคดีอาญาทั้งคู่ ฉนั้นถ้าคุณไม่มีเงินประกันตัวเอง ไม่มีเงินจ้างทนาย และสามีไม่ยอมมาประกันตัวคุณ คุณก็จะต้องอยู่ในห้องขังไปจนกว่าจะจบคดี ข้อสำคัญคือ เวลาตำรวจสอบปากคำ ห้ามรับสารภาพเป็นอันขาด ให้ยืนกรานว่าคุณบริสุทธิ์ ถึงจะลงมือตีเขาไปจริงๆ ก็ตามที ถ้าสามีประกันตัวให้ ก็อาจจะมีเงื่อนไขพ่วงมาด้วยกล่าวคือ ถ้าเขาขอหมายศาล restraining order ห้ามคุณเข้าใกล้ ถึงคุณออกจากห้องขังได้แล้ว แต่คุณก็จะเข้าบ้านไม่ได้ ติดต่อเขาไม่ได้ไม่ว่าจะเป็นการไปด้วยตนเอง หรือโทรไป หรืออีเมล์ไป ไม่ได้ทั้งนั้น ถ้าคุณฝ่าฝืน restraining order คุณจะโดนจับด้วยข้อหาอีกหนึ่งกระทงคือฝ่าฝืนหมายศาล เรื่องจะยุ่งกันไปใหญ่
ถ้า คุณไม่มีเงินจ้างทนาย คุณสามารถร้องขอต่อศาลขอทนายแก้ต่างให้คุณได้ ศาลจะจัดหาให้ แต่ส่วนใหญ่ทนายเหล่านี้จะเป็นทนายที่ทางด้านคดีอาญาอย่างเดียว ดังนั้นเขามักจะแนะนำให้คุณรับสารภาพ เพื่อที่จะได้ปิดคดีเร็วๆ และถ้าคุณไม่เคยมีประวัติมาก่อน ก็จะได้รับการลดหย่อนการลงโทษ หรือถ้าเล็กน้อยมากก็อาจรอลงอาญา หรือทำงานรับใช้สังคม (community services) ไม่ต้องจำขัง ปัญหาคือ ถ้าคุณรับสารภาพไป แปลว่าคุณผิดจริง คนไม่ผิดจะไปรับสารภาพว่าทำในสิ่งที่ตัวไม่ได้ทำได้อย่างไร ทีนี้เมื่อคุณทำผิด ถูกตัดสิน มีประวัติ เวลาทำเรื่องทางอิมมิเกรชั่น คุณอาจโชคไม่ดี เพราะเวลาที่อิมมิเกรชั่นจะปฏิเสธเคสคุณนั้น เขาอ้างเพียงคำเดียวว่า คุณไม่ใช่ผู้ยึดมั่นในศีลธรรมอันดี เท่านี้ก็จบแล้ว เพราะคำๆ นี้มีความหมายกว้างครอบจักรวาล เหมารวมไปได้ทุกเรื่องตั้งแต่ การทำร้ายร่างกาย จี้ปล้น ฉ้อโกง ฯลฯ
เรื่องลูก
ผู้หญิง ไทยร้อยละร้อย พอมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกับสามี สิ่งแรกที่ทำคือหอบลูกหนี ตรงนี้นอกจากจะไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ดีแล้ว ยังทำให้คุณเองตกที่นั่งลำบาก และจะลำบากมากๆ ถ้าสามีดำเนินคดีเอากับคุณข้อหาลักพา
บาง คนโดนสามีแจ้งความทั้งเรื่องทะเลาะลงไม้ลงมือ และเรื่องพาลูกหนี เจ้าตัวเอาลูกไปเมืองไทยเพราะลูกมีพาสปอร์ตไทย พาไปได้ ถ้าลูกถือพาสปอร์ตอเมริกัน เวลาสามีแจ้งความ อาจจะโดนกักตัวที่สนามบินได้ถ้าเขาเร็วพอ ทีนี้พอจะกลับไปอีกที ปรากฏว่าทันทีที่ถึงสนามบินในอเมริกาก็โดนตำรวจรวบตัวทันที เรื่องแบบนี้มีบ่อยมากๆ หลายคนไม่มีเงิน ไม่มีปัญญาประกันตัวออกมา ฯลฯ
ที นี้ก็มีคำถามว่า แล้วจะให้ทำยังไง คุณต้องต่อสู้เรียกร้องสิทธิการปกครองบุตรในชั้นศาล การที่คุณไม่มีงานทำ ไม่มีรายได้เป็นของตัวเอง ไม่ได้ทำให้คุณเสียเปรียบในการเรียกร้องสิทธิการปกครองบุตร ตราบใดที่คุณพิสูจน์ใหเห็นว่าคุณมีคุณสมบัติที่ดีควรแก่การเป็นแม่ ปกติศาลจะให้ทั้งพ่อและแม่ได้สิทธิในการปกครองบุตรเท่าๆ กัน เช่นถ้าเด็กอยู่กับคุณระหว่างวันธรรมดา พ่อเด็กก็จะได้ลูกไปช่วงสุดสัปดาห์ ถ้าคุณไม่มีรายได้ สามีก็ต้องช่วยจ่ายค่าเลี้ยงดูบุตร
ทาง ที่ดีที่สุดคือ อดทนจนกว่าเรื่องราวต่างๆ จะเข้าที่เข้าทาง คือคุณได้ใบเขียวถาวร หรือทำซิติเซ่น เสียก่อน เพราะคนอเมริกันส่วนใหญ่ จะทำอะไรก็ต้องให้ได้เดี๋ยวนั้น ทีนี้ถ้าเขาไปมีคนใหม่ มีลูกอีกคนสองคน เรื่องลูกคนนี้ก็จะห่างเหินไป ทีนี้ก็เป็นโอกาสของคุณ ที่จะให้ทนายติดต่อพ่อเด็ก ขอให้เขาสละสิทธิการปกครองบุตร ให้คุณเป็นผู้ปกครองบุตรโดยชอบด้วยกฏหมายแต่เพียงผู้เดียว
พอ คุณได้สิทธินี้แล้วก็เป็นเรื่องของคุณที่จะตัดสินใจว่า จะเอาลูกไปเลี้ยงที่เมืองไทยหรืออยู่อเมริกา แต่อยากฝากไว้ว่าก่อนตัดสินใจ ให้คิดถึงอนาคตของลูกให้มาก ถ้าคุณจะเอาลูกไปไว้เมืองไทย พอโตค่อยกลับมาเรียนที่อเมริกา ตัวคุณเองก็จะต้องรักษาสถานะของคุณไว้ด้วย ทางที่ดีคือทำซิติเซ่นให้เรียบร้อยเสียก่อน ค่อยพาลูกกลับเมืองไทย หากวันหน้าจะพาลูกกลับมาเรียนต่อ จะได้ไม่มีปัญหา อย่าหุนหันพลันแล่น ให้คิดถึงด้วยว่า ถ้าหากคุณโดนยกเลิกใบเขียวไป เพราะออกนอกประเทศเกินกำหนด หากวันหน้าคุณจะเอาลูกมาเรียนได้อย่างไรถ้า ตม ไม่ยอมให้คุณเข้าเมือง
หากคุณตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ และต้องการที่่ปรึกษา เข้าไปถามได้ที่ webboard ปกติดิฉันจะตอบคำถามอย่างช้าไม่เกิน 24 ชม ค่ะ