จากกระทู้ http://pantip.com/topic/32162455
อ่านแล้วเป็นงง เพราะคนเขียนเล่นสรุปจบภายในสามบรรทัด ปนกันยุ่งเหยิงไปหมด ......... ขออนุญาตเล่าสู่กันฟังนะคะ
สำหรับประเทศสหรัฐอเมริกา การมีคู่สมรสมากกว่าหนึ่ง หรือ bigamy เป็นความผิดอาญาในทุกรัฐ ทีนี้ถ้าหากตกลงปลงใจอยู่กินกันฉันสามีภรรยาทั้งๆ ที่รู้ทั้งรู้ว่าสถานะของเขาไม่โสดคืออาจจะแค่แยกกันอยู่ หรือหลายรายก็ยังอยู่บ้านเดียวกันกับลูกเมีย กฏหมายไม่รับรอง ผลคือ ไม่มีสิทธิในกองมรดก หรือ หากฝ่ายหนึ่งถูกกระทำให้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต อีกฝ่ายหนึ่งไม่มีสิทธิในการฟ้องเรียกค่าชดเชยทางแพ่ง เพราะถือว่าไม่ใช่คู่สมรสโดยชอบด้วยกฏหมาย คนที่มีทะเบียนสมรสเท่านั้นถึงจะถือว่ามีสิทธิ
ยกตัวอย่างง่ายๆ เป็นภาษาชาวบ้านนะคะ นาย ก จดทะเบียนสมรสกับนาง ข อยู่กินกันมา จนกระทั่งวันหนึ่ง นาย ก ถูกรถชนตาย นาง ข มีสิทธิฟ้องเรียกค่าชดเชยจากคนที่ชนได้
แต่ถ้าหากนาง ข ไม่ได้จดทะเบียนสมรส แต่อย่กินกันเฉยๆ นาง ข จะไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าชดเชยใดๆ เพราะถือว่าไม่ใช่ภรรยาโดยชอบด้วยกฏหมาย
นี่คือข้อดีของการจดทะเบียนสมรสค่ะ
อ้างถึงบทความในกระทู้ก่อนตรงที่ว่า "จะเอาประกันชีวิตของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมิได้" อันนี้ไม่ถูกนัก เพราะการทำประกันชีวิตในอเมริกา เจ้าตัวจะต้องระบุลงไปเลยว่า ผู้รับผลประโยชน์หากเขาตาย คือใคร ซึ่งอาจจะไม่ใช่สามีภรรยา หรือพ่อแม่พี่น้อง แต่อาจจะเป็นคนอื่นก็ได้ เมียน้อยก็ได้ สุดแท้แต่เจ้าตัวจะระบุลงไปว่าต้องการยกให้ใคร หากทำในขณะที่มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ แม้แต่ทายาทก็ไม่มีสิทธิมาคัดค้านได้
ทีนี้มาถึงตรงที่ว่า "ถ้าหญิงอยู่กับชายโดยมิได้มีการสมรสโดยชอบด้วยกฏหมาย และหญิงนั้นมีความเชื่อโดยสุจริตว่าตนเองเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฏหมายของชาย ก็ให้ถือว่าหญิงนั้นมีส่วนได้ส่วนเสียในชีวิตของชายนั้น" ประเด็นนี้เป็นเรื่องของ domestic partnership คือการอยู่กินกันโดยไม่จดทะเบียนสมรส ในอเมริกามีรัฐที่รับรอง domestic partnership อยู่สิบสองรัฐคือ California, Colorado, District of Columbia, Hawaii, Maine, Maryland, Nevada, New Jersey, Oregon, Wisconsin, และ Washington
การเป็น domestic partner ในบางรัฐต้องจดทะเบียน ซึ่งที่จริงแล้วก็ไม่ต่างจากการจดทะเบียนสมรส แต่เรียกชื่อต่างกันออกไปเท่านั้น บางรัฐไม่ต้องจดทะเบียน แต่ต้องสร้างหลักฐานว่าอยู่กินด้วยกันจริง เช่น ยื่นแบบเสียภาษีร่วมเปิดบัญชีแบงค์ บัตรเครดิต ฯลฯ ร่วมกัน กฏหมายไม่ได้รับรองโดยอัตโนมัติค่ะ
ทีนี้เข้าประเด็นที่ว่าทำไมผู้ชายอเมริกันไม่ค่อยจะมีเมียน้อย ไม่จริงเท่าไหร่นะคะ... ผู้ชายไม่ซื่อกับเมียมีทุกชาติทุกภาษาในโลก แต่ส่วนมากที่ไม่มีเป็นตัวเป็นตนเพราะผู้หญิงส่วนใหญ่ถือว่ามีสิทธิเท่ากับผู้ชาย เลี้ยงตัวเองได้ จึงไม่ต้องการให้มีคนมาบงการชีวิต ว่าต้องซ้ายหันขวาหันตามเขาบอก อยากสนุกก็เลือกเป็น one night stand ไปเลย ไม่ผูกพัน จบแล้วแล้วกัน คนที่แต่งงานถ้าไปกันไม่รอดก็เลิกกันไป แล้วค่อยหาใหม่ เนื่องจากถ้ายังคาไว้ ปัญหาเรื่องเงิน หนี้สิน เครดิตสกอร์ ฯลฯ มันจะอีรุงตุงนัง แต่ก็มีเยอะที่ไม่ยอมหย่า เพราะถ้าหย่ากันฝ่ายหญิงซึ่งเป็นแม่บ้านหรือทำงานแต่รายได้น้อยกว่า จะกวาดไปจนแทบหมดตัว ยกตัวอย่าง ฝ่ายชายทำงาน ฝ่ายหญิงเป็นแม่บ้านมีลูกสองคน ยังเล็กๆ ทั้งคู่ พอหย่ากันศาลตัดสินให้ฝ่ายหญิงอยู่กับลูกในบ้านที่ฝ่ายชายยังผ่อนไม่หมด ฝ่ายชายต้องไปหาอพาร์ทเมนต์อยู่เอง และต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูบุตรทุกเดือน บวกค่าเลี้ยงชีพชั่วคราวให้ภรรยาตามระยะเวลาที่ศาลกำหนด
ปัจจุบันการหย่าในอเมริกาถือว่าทั้งสองฝ่ายเท่ากัน คือมีภาระความรับผิดชอบต่อบุตรเท่ากัน หนี้สินทรัพย์สินหารสอง ยกเว้นแต่จะทำข้อตกลงก่อนสมรส หรือข้อตกลงหลังสมรสเป็นอย่างอื่น แต่ต้องไม่ขัดกับกฏหมายครอบครัวของรัฐนั้นๆ
สมัยก่อน กฏหมายว่าด้วยการหย่านั้นเหมือนกันกับของไทยคือ หากฝ่ายหนึ่งมีชู้ อีกฝ่ายหนึ่งสามารถฟ้องหย่า และฟ้องเรียกค่าเสียหายจากชู้ได้ หรือที่เรียกว่า Alienation of Affection เริ่มแรกในรัฐ New York แต่ประมาณห้าสิบปีต่อมาก็ยกเลิกไปหมด กฏหมายฉบับนี้ยังคงเหลืออยู่ในปัจจุบันไม่กี่รัฐคือ Hawaii, Illinois, North Carolina, Mississippi, New Mexico, South Dakota, และ Utah
ที่สนุกก็คือ แม้แต่ทนายเองยังไม่รอด มีคดีดังคดีหนึ่งในรัฐ North Carolina สามีเป็นทนายความชื่อดัง ภรรยาเป็นแม่บ้าน ต่อมาสามีไปกุ๊กกิ๊กกับทนายสาวที่รับเข้ามาใหม่ ฝ่ายภรรยาพอรู้ระแคะระคาย เธอไม่โวยวาย แต่ย่องไปติดตั้งกล้องวงจรปิดที่บ้านพักตากอากาศ ไม่ให้สามีรู้ ผลคือสามีพาอีหนูไปนอน ภรรยาก็เลยมีหลักฐานชิ้นสำคัญในมือ เธอก็เลยฟ้องหย่าแล้วก็ฟ้องเรียกค่าชดเชยจากชู้ ผลสรุป นอกจากศาลจะสั่งให้แบ่งสินสมรสคนละครึ่งแล้ว เธอยังได้ค่าชดเชยจากชู้อีกสิบล้านเหรียญ !!