เวลาชีวิตแต่งงานถึงทางตัน หันไปถามผู้มีประสบการณ์ว่าไปทางไหนดี พูดไม่เหมือนกันสักคน บ้างก็ว่าอยู่บ้านนั่นแหละ ห้ามย้ายออกเด็ดขาด เดี๋ยวกลับมาเอาของไม่ได้ บ้างก็ว่าย้ายไปอยู่ shelter ดีกว่า ปลอดภัยแน่นอน แถมเขาช่วยทำเรื่องหย่าให้ด้วย
ประเด็นนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ที่ต้องดูองค์ประกอบโดยรวมหลายๆ เรื่อง ตั้งแต่พฤติกรรมของสามีเป็นอย่างไร สถานะทางการเงินของคุณเป็นอย่างไร สุขภาพเป็นอย่างไร ทำงานได้ไหม ฯลฯ
สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ต้องนำมาพิจารณาเป็นอันดับแรกคือ อยู่บ้านแล้วปลอดภัยไหมถ้าศัตรูของคุณคือสามี
ถ้าเข้าข่ายข้อหนึ่งข้อใดต่อไปนี้ คุณกำลังตกอยู่ในอันตราย รีบพาตัวเองออกมาจากตรงนั้นโดยด่วนก่อนที่จะไม่มีชีวิตรอด หรือถูกจองจำไปตลอดชีวิตทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นอะไรมากขนาดนั้น
1. คุณเคยป่วยกาย และได้รับการรักษาโดยใช้ยาแรงๆ เช่น ยาที่ประกอบด้วยสารเสพติด หรือยาแก้ปวดที่ต้องให้แพทย์สั่งเท่านั้น หรือยากล่อมประสาท ยานอนหลับอย่างแรง ฯลฯ
มาถึงตรงนี้คุณอาจจะสงสัยว่าแล้วมันเกี่ยวยังไง เกี่ยวค่ะ........ ผู้ชายหลายคนฉวยโอกาสจากการที่ภรรยามีอาการซึมเศร้าอันเป็นผลข้างเคียงจากการใช้ยาเหล่านี้ ผลักดันให้ภรรยาเข้ารับอาการบำบัดทางจิตเวชอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่ว่าเวลาเขาฟ้องหย่า เขาจะได้ไม่ต้องจ่ายค่าเลี้ยงดู
2. ถ้าคุณขอ restraining order แล้วศาลสั่งให้สามีย้ายออก ให้คุณอยู่บ้าน ณ จุดนี้บ้านนี้จะไม่ปลอดภัยสำหรับคุณ เพราะถ้าหากเขาทำตัวเป็น stalker คุณตัวคนเดียวจะลำบาก และถ้าคุณไม่สามารถพึ่งตัวเองเรื่องการสื่อสารกับตำรวจได้ด้วยแล้ว จะยิ่งยาก
3. ถ้าคุณไม่มีเงิน ไม่มีรายได้ประจำ ถึงศาลจะสั่งให้คุณอยู่บ้านต่อไปได้ ให้สามีย้ายออก แต่ถ้าคุณอยู่ในสภาพที่ทำงานไม่ได้ ไม่มีรายได้ คุณจะไม่สามารถดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายเช่น ค่าน้ำค่าไฟ ขยะ โทรศัพท์ อินเตอร์เน็ท ฯลฯ
ดิฉันเคยเจอบ่อยๆ เคสที่สามีทิ้งไม่ยอมจ่ายค่าผ่อนบ้านต่อทั้งๆ ที่เพิ่งซื้อ ถึงจะเป็นบ้านเล็กราคาไม่สูง อยู่นอกเมืองไปไกล
ถ้าคุณเจอหนึ่งในสาม หรือทั้งสามข้อ รีบย้ายออกไปอยู่ Shelter ด่วนค่ะ
บางคนไม่อยากย้ายไปเพราะติดที่บ้าง เพราะห่วงสมบัติข้าวของบ้าง ทำยังไง..... คุณแพ็คของลงกล่อง ติดป้ายไว้ว่ามีอะไรบ้าง เรียงไว้ ถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน ถึงเวลาจะมาเอาคืน คุณไปสถานีตำรวจ ขอให้ตำรวจมาเป็นสักขีพยานเวลาคุณขนของ โดยคุณมีหลักฐานว่าคุณได้แพ็คอะไรไว้ กี่กล่อง ฯลฯ
ของที่ต้องเอาติดตัวไปด้วย จำเป็นมาก คือพาสปอร์ต สูติบัตร ของคุณ ของลูก บัตรโซเชี่ยล จดเบอร์ของสามีเอาไว้ด้วย หลักฐานการเงินและการเสียภาษี อย่างน้อยๆ คุณจะได้มีข้อมูลเบื้องต้นว่า ครอบครัวของคุณมีรายได้ต่อปีเท่าไหร่ ไม่ใช่ไปมือเปล่า ไม่มีข้อมูลอะไรเลย
เคยมีคนเถียงว่า ทนายของหนูบอกว่าไม่ต้องย้ายไปไหน ใช่ค่ะ ตราบใดที่คุณยังมีเงินจ่ายเขา แต่ถ้าคุณไม่สามารถจ่ายเมื่อไหร่ เขาดรอปเคสของคุณกลางทาง เมื่อถึงตอนนั้น คุณจะเจอปัญหาใหญ่ คือหาทนายมาสานต่อได้ยากถึงยากมาก ดังนั้นคุณต้องสรุปและตัดสินใจจากสถานะทางการเงินของคุณด้วยค่ะ